Wednesday, July 20, 2011

Suck Seed เมล็ดพันธุ์ห่วยที่ช่วยให้ทุกคนมีกำลังใจ

เหตุเกิด เพราะเด็กอยากฟังเพลงที่ผมไม่รู้จัก  ชื่อเพลง " เพลงที่ฉันไม่ได้แต่ง" อ่ะไอ้คนสมัยใหม่อย่างผมงงเลยมันมีเพลงชื่อนี้ด้วยเหรอ

มี๊ มี ดิ  ด้วยคำยืนยันที่แสนมั่นใจ  ผมจึงเข้าไปดูใน ยูทู๊ป ดูว่ามันจะมีจริงเหรอ เพลงที่มีชื่อว่าเพลงที่ไม่ได้แต่ง พอกดค้นหาเจอปั๊บเลยครับ  แต่มันขึ้นมาว่าเป็นเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง ห่วยขั้นเทพ  ดูจากภาพวีดีโอประกอบเพลงแล้วเนื้อหามันเกี่ยวกับวัยเรียน นะหนังเรื่องนี้ ดูท่าคงเหมือนๆหนังไทยทุกเรื่องที่เป็นมา งั้นลองดู เทลเล่อ มันหน่อยดิ

หลังจากหาเทลเล่อมาดูพักใหญ่ๆ  เด็กๆก็ถามว่ามันน่าดูไหมพี่กิต  เออน่าดูแฮะตรงที่มันจับเอากลุ่มเด็กที่ทำตัวเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นแต่ยิ่งทำมันก็ยิ่งดูว่าเห่ย ด้อยกว่าคนอื่นๆอยู่ร่ำไป  ทำไงดีอยากดูๆๆ  เจ้าเอิรทร้องขึ้น  พี่มายด์ซื้อแผ่นจากเซเว่นมาเอามาดูไหม  ดีๆๆจัดมาเลยๆๆ

5นาทีต่อมา  ได้แผ่นมาล่ะใครจะเล่นเกมส์แล้วจะเติมเวลาเน็ตให้มาติดต่อพี่กิต ตอนนี้เลยให้เวลา 5 นาที เด็กๆวิ่งกรูกันเข้ามาหมดเลยหลังจากเติมเวลาเน็ตเด็กๆแล้วถึงเวลา ดูหนังแล้วเปิดเสียงเบาๆกลัวเด็กรำคาญ ผ่านไป 5 นาทีหัวเราะไม่หยุดเลย  เพราะยิ่งดูก็เหมือนดูตัวเองสมัยเด็กๆเลย  แรกๆเราเหมือนพระเอกนะ  แต่ไม่เหมือนตรงเรื่องหญิง เราไม่มีแหะ  จะเหมือนเพราะชอบตามเพื่อนไปเรื่อยไม่เคยเป็นต้นคิดเลย  มีแต่คนอื่นคิดแล้วมาชวนเราทำซึ่งก้ทำๆแต่ไม่ได้ดีกะเขาสักที  แต่ก็มีหน้าไปแข่งกะเขาด้วยนะ เพราะกลุ่มเราชอบพูดคำว่า เฮ้ยเผื่อมันโดนใจกรรมการอ่ะ  แต่ก็แห้วทุกที

หลังๆขอเรื่องเห้ยเราเหมือนมือกลองว่ะบ้ากีฬา  กะดนตรี  แต่ไปไม่ได้ดีสักเท่าไหร่เลย  แต่ละครเรื่องนี้มันให้ข้อคิดเยอะดีแถมยังน่าจะดีกับวัยรุ่นวัยเรียน  ยกตัวอย่างเช่นเรื่องความกล้าที่จะคิด  กล้าที่จะไล่ตามฝัน  และการกล้าสู้กับอุปสรรค มากมายระหว่างทาง  ผมชอบคุ้ง  ที่เป็นเจ้าแห่งโปรเจค  เพราะเขาน่าจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้มากที่สุด  ถึงแม้ในเรื่องจะชอบล้มเลิกกลางคันตลอด  แต่อย่างน้อยคุ้งก็กล้าที่จะคิดและกล้าที่จะทำในสิ่งที่คิด  เพราะผลของมันคือ  อย่างน้อยก็ได้ทำ  

แต่ตัวเอกอย่างเป็ดก็ถือเป็นคนที่แน่วแน่  และทุ่มเทต่อสิ่งที่ทำไม่ย่อท้อง่ายๆ  ถือเป็นคนผลักดันให้หลายๆอย่างดำเนินไปสู่จุดหมายได้สำเร็จ  และเอกที่เป็นมือกลองก็ถือเ็ป็นตัวสนับสนุน  และคอยยึดกลุ่มไว้ให้ฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆไปด้วยดี

ถือว่าเป็นทีมที่ดีในการทำงาน  ถึงแม้ว่าภายในการทำงานนั้นจะต้องประสบปัญหาอยู่บ้างทั้งเล็กและใหญ่ หนังเรื่องนี้ก็ยังสอดแทรกข้อคิดที่ว่า  "แม้พระจันทร์จะอยู่บนฟ้าแสนไกล  แต่เพียงแค่เรายื่นมือจะคว้ามันแล้ว เราก็ยังเข้าใกล้พระจันทร์มากกว่ายืนเงยหน้ามองมันเฉยๆ"  (พี่ตูนเก็บปิคนี้ไว้แล้วผมจะกลับมาเอาคืนตอนที่ ได้เข้ารอบสุดท้าย จำพวกผมไว้นะครับ)

"งานทุกอย่างย่อมมีอุปสรรค  แต่ถ้าเราทำมันยังมีความหวังที่จะผ่านอุปสรรคพวกนั้นไปได้" (ห้องซ้อมคิวเต็มหมดแล้วน้องไปหาที่อื่นเถอะ ..... เอก: ไม่เป้นไรเพื่อนงั้นเราไปซ้อมที่เบเกอร์รี่กันเถอะ  )

"ถ้าเราได้ลงมือทำในสิ่งที่คิดว่าอยากทำแล้ว  เมื่อได้ลงมือทำแล้วมันไม่ใช่ที่เราอยากทำจริงๆ  ก็จงหยุดทำมันและค้นหาตัวเองใหม่อีกครั้ง" (มันหมดยุคไปแล้วว่ะ)

"จงลงมือทำในสิ่งที่ตั้งใจ  แล้วทำให้ดีที่สุดก่อนแล้วค่อย  สรุปผลว่าทำได้หรือไม่ได้" (เอ็งก็เป็นอย่างนี้ทุกที อยากจะเล่นก็เล่น  อยากจะชวนใครเข้าวงก็ชวน  อยากจะเลิกก็เลิก  ทำตามใจตัวเองเสมอ  แล้วแกเคยถามคนอื่นเขาก่อนมั่งไหม)

สรุปครับดูหนังเรื่องนี้แล้วสนุกได้ข้อคิด  คิดถึงชีวิตวัยรุ่นที่พลังไฟในตัวเองช่างเยอะมากมาย  อยากให้ทุกคนได้ดูครับ เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจกับทั้งน้องๆ  และคนทำงานหรือกำลังสับสนว่าจะทำหรือไม่ทำดี !!!!!  ชีวิต มันต้อง ซักซี๊ด หนึ่ง



No comments:

Post a Comment